24 สิงหาคม 2563
26
ชวนไปทำความรู้จัก "MB&F" นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส ดีไซน์ล้ำ ที่นักสะสมและนักลงทุนเลือกสรรค์สะสมและทำกำไร
นาฬิกาหรู (Luxury Watch) หนึ่งในทรัพย์สินที่เหล่านักสะสมและนักลงทุนมักจะซื้อมาเพื่อสะสมตามความชื่นชอบ และมีการซื้อขายกันเพื่อทำกำไร ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับผู้เริ่มต้นเข้าสู่แวดวงนี้ต้องแยกให้ออกว่านาฬิกาที่จะซื้อในรุ่นหรือแบรนด์นั้นๆ ซื้อไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร
หากซื้อมาเพื่อขายและทำกำไร ต้องพิจารณาให้ดีถึงความต้องการของตลาด รวมถึงต้องมีการศึกษารายละเอียด ศึกษาทำความเข้าใจที่ถูกต้อง หากซื้อมาเพื่อสะสม มีการแยกประเภทออกไปหลากหลายแบบ ทั้งเลือกจากแบรนด์ที่ชื่นชอบ การออกแบบ ความซับซ้อน รวมถึงเลือกจากช่วงเวลาและยุคสมัย
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" พาไปยลโฉม 10 อันดับนาฬิกาหรูดีไซน์แปลกแหวกแนวที่มีการซื้อขายกันอยู่ในขณะนี้ และมีฟังก์ชั่นล้ำที่สลับซับซ้อนของแบรนด์ “MB&F” หรือ Maximilian Busser and Friends นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส ภายใต้ Maximilian Busser ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการนี้
โดย MB&F เปิดตัวนาฬิกาครั้งแรกในปี 2005 จนกระทั่งเรือนล่าสุดที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2019 ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีการออกรุ่นย่อยมา แตกต่างกันที่สีหรือวัสดุที่ใช้ พร้อมกับสำรวจข้อมูลที่มีการซื้อขายกันอยู่ในขณะนี้ว่าราคาอยู่ในระดับใด
1. MB&F รุ่น Horological Machine No.1
นาฬิการุ่นแรกของ MB&F เป็นนาฬิกาข้อมือ วัสดุตัวเรือนผลิตจากทองคำขาว 18k ขนาด 41 x 64 x 14 มม. ประติมากรรมเป็นแบบ 3 มิติ มีส่วนประกอบทั้งหมด 367 ชิ้น และอัญมณี 81 เม็ด ตอกย้ำความโดดเด่นด้วยกลไกซับซ้อน มีการติดตั้งกระปุกลาน 4 ตัว เชื่อมโยงกันแบบคู่ขนาน มีการถ่ายทอดพลังงานจาก 2 แหล่งพลังงาน ทำให้สามารถบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรง ประกอบกับมีพลังงานสำรองที่สามารถอยู่ ส่วนการบอกชั่วโมงและนาทีแยกออกจากกัน
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่ารุ่นย่อย 10.T41.T มีการตั้งขายอยู่ราว 73,700 ดอลลาร์ หรือราว 2.3 ล้านบาท จากราคาเปิดตัว
2.MB&F HM3 FROG
เอกลักษณ์ของนาฬิการุ่นนี้คือรูปลักษณ์ที่คล้ายกบตาโต โดยมีโดมอลูมิเนียม 2 โดม หนึ่งในนั้นเป็นโดมหมุน 12 ชั่วโมง มีสัญลักษณ์สังเกตคือตัวอักษร H และอีกหนึ่งโดมหมุน 60 นาที จุดสังเกตคือ ตัวอักษร M ส่วนด้านบนทั้งสองโดม จะมีตัวเลขโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลมนั้น เป็นการบ่งบอกวันที่
ตัวเรือนผลิตจากวัสดุไทเทเนียมเกรด 5 เซอร์โคเนียม PVD สีดำ และส่วนที่เป็นสกรูทำมาจากทองคำ 18k ตัวเรือนมีขนาด 47 x 50 x 18 มม. นาฬิการุ่นนี้มีชิ้นส่วนประกอบทั้งหมด 304 ชิ้น อัญมณี 36 เม็ด
3.MB&F HM4
ความโดดเด่นของรุ่นนี้ยังคงเป็นรูปลักษณ์ที่แปลกตา แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบชื่อดัง Thunderbolt ตัวเรือนมีขนาด 54 x 52 x 24 มม. โดยตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียมเกรด 5 และคริสตัลแซฟไฟร์ ประกอบจากชิ้นส่วน 311 ชิ้น ทับทิม 50 เม็ด รุ่นนี้ใช้กลไกการไขลาน สามารถสำรองพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง โดยการบอกเวลาจะดูชั่วโมงและนาทีได้จากฝั่งขวา และดูพลังงานได้จากฝั่งซ้าย
4.MB&F HM5
นาฬิการุ่นนี้สะท้อนกลิ่นอายของทศวรรษที่ 1970 ด้วรูปทรงคล้ายซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของโลก ทั้งแชสซีส์ ตัวถังแอร์โรว์ไดนามิก ท่อไอเสีย และบานเกล็ดบนกระจกบานท้าย ความพิเศษของการดูเวลาของนาฬิกาเรือนนี้ คือการใช้กระจกแซฟไฟร์ทรงปริซึมที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษ ให้สามารถสะท้อนและหักเหตัวเลขชั่วโมงกับนาที ซึ่งวางอยู่บนจานดิสก์ 2 แผ่นที่ซ้อนกันอยู่ การวางองศา 90 องศา ทำให้สามารถดูเวลาได้อย่างชัดเจน รวมถึงขยายตัวเลขให้ใหญ่ขึ้นอีก 20%
5.MB&F HM7
นาฬิกาที่จะพาย้อนความทรงจำในวัยเด็ก โลกแห่งจินตนาการพาล่องไปสำรวจใต้น้ไปกับแมงกะพรุน แต่ไม่ใช่นาฬิกาดำน้ำ สามารถกันน้ำได้ 50 เมตร 165 ฟุต 5 ATM ตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียมเกรด 5 หรือทองคำขาว มีลักษณะเป็นทรงโดม มีส่วนประกอบราว 3030 ชิ้น และอัญมณี 35 เม็ด สำหรับการบอกเวลาสังเกตได้จากวงแหวนสองวงที่ซ้อนกันภายใต้โดมแซฟไฟร์คริสตัล พร้อมนำซูเปอร์ลูมิโนวาเข้ามาใช้ ทำให้ตัวเลขและเครื่องหมายต่างๆ เรืองแสงในเวลากลางคืน และมีพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง
ในรุ่นนี้มีการนำรุ่นย่อย HM7 AQUAPOD TI BLUE มาขายในราคา 2.6 ล้านบาท จากราคาของบริษัทราว 2.4 ล้านบาท HM7 AQUAPOD PT RED มีการนำมาขายตั้งแต่ราว 3.9-5.1 ล้านบาท
6.MB&F LM1
อีกหนึ่งรูปแบบของนาฬิกาแบรนด์ MB&F อย่าง LM (Legacy Machine) ที่มุ่งเน้นการดีไซน์คลาสสิคแบบดั้งเดิม เป็นรุ่นที่ได้รับการโหวตให้เป็นนาฬิกาข้อมือผู้ชายที่ดีที่สุดจาก Grand Prix d’Horlogerie de Geneve ในปี 2012 ผลิตจากวัสดุทองคำขาว ไทเทเนียมและสเตนเลส ขนาด 44 x 16 มม. เอกลักษณ์โดดเด่นจากการมีหน้าปัดบอกเวลาย่อย 2 หน้าปัด ที่เวลาจะแยกจากกันชัดเจน มีกำลังสำรอง 45 ชั่วโมง
ทั้งนี้ราคารุ่นย่อยอย่าง LM1 XIA HANG อยู่ที่ 2.7 ล้านบาท ขณะที่การขายมีรุ่นย่อยอื่นๆ เช่น LM1 PT ราคาอยู่ราว 3.4 ล้านบาท
7.MB&F LM101
นาฬิการเรือนนี้ที่ดูมีความเรียบหรู ผลิตจากทองคำขาว ทองขาว 18k ทองคำขาว 950 แพลเลเดียม 950 และรุ่นฝ้าสองสีในทองคำขาว 18k และทองคำเหลือง 18k ขนาด 40 x 16 มม. การออกแบบนี้ทิ้งสเปซให้เห็นฉากหลังของทองคำเปล่งประกาย ตัดกับหน้าปัดย่อยบอกเวลาอยู่ด้านล่างขวา และหน้าปัดบ่งบอกพลังงานสำรอง สีขาวบริสุทธิ์
ซึ่งจากการสำรวจพบว่า MB&F รุ่น Legacy Machine LM101 Palladium ราคาเปิดตัวอยู่ที่ราว 2.1 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีการนำมาขายในหลากหลายรุ่นย่อย อย่างเช่น Moser & Cie เกือบ 2.9 ล้านบาท หรือ LM101 WG ราคาอยู่ที่ เกือบ 1.6 ล้านบาท
8.MB&F PERPETUAL
ความสวยงามของนาฬิการุ่นนี้ชวนหลงใหลสะดุดตา คือ หน้าปัดที่แสดงความสลับซับซ้อนของกลไกแบบปฏิทินอัจฉริยะ มีส่วนประกอบ 581 ชิ้น อัญมณี 41 เม็ด ตัวเรือนทำจากวัสดุ 18k ทองขาว 18k ทองคำขาว 18k ทองคำขาว 950 หรือไทเทเนียมเกรด 5 ทั้งนี้บนหน้าปัดแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ อย่างวงที่อยู่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ใช้แสดงเวลา วงที่ 3 นาฬิกา แสดงวัน ตำแหน่ง 9 นาฬิกา แสดงวันที่ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาแสดงเดือน ตำแหน่ง 4 นาฬิกา แสดงพลังงานสะสมในนาฬิกา ซึ่งสูงสุด 72 ชั่วโมง และตำแหน่ง 7 นาฬิกา แสดงปีอธิกสุรทิน
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่ามีการนำรุ่น LM PERPETUAL ที่มีราคาเต็มราว 3.9-4.3 ล้านบาท คำนวณจากรุ่นย่อย PERPETUAL RG และ PERPETUAL WG PURPLE ซึ่งมีการนำมาขายในรุ่นย่อย PERPETUAL WG ราว 5.2 ล้านบาท หรือรุ่น PERPETUAL PT ในราคา 4.6 ล้านบาท
9.MB&F BALTHAZAR
นาฬิกาตั้งโต๊ะรูปทรงหุ่นยนต์ มีน้ำหนักกว่า 8.2 กิโลกรัม สูงราว 40 เซติเมตร ความโดดเด่นคือหุ่นยนต์นี้สามารถหมุนสกรูที่อยู่ด้านข้างลำตัว จะทำให้เห็นหุ่นยนต์ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอีกแบบหนึ่ง สะท้อนถึงมนุษย์ที่ทุกคนมักจะมีสองด้านในตัวคนเดียว นาฬิกานี้ใช้ส่วนประกอบกว่า 618 ชิ้น มีโดมใสด้านบนหัวของหุ่นยนต์แสดงกลไกการทำงาน มีพลังงานสำรองได้นานถึง 35 วัน
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า มีการขายนำรุ่น L’Epée 1839 BALTHAZAR Black limited Roboter Robot Tisch Uhr ออกมาขาย แต่ไม่มีการระบุราคา ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
10.MB&F SHERMAN
ปิดท้ายด้วยนาฬิกาหรูรูปลักษณ์ทรงหุ่นยนต์ สำหรับตั้งโต๊ะ สร้างความแปลกใหม่แก่วงการนาฬิกาเป็นอย่างมาก แรงบันดาลใจมาจากรถถังของกองทัพสหรัฐอเมริกาที่ใช้ในการรบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชื่อ M4 Sherman ตัวหุ่นยนต์ออกแบบได้กลมกลืนกับชุดเรกูเลเตอร์ของกลไกที่ถูกครอบด้วยโดมกระจกใสที่ออกแบบคล้ายสมองของหุ่นยนต์ ฟังก์ชั่นของหุ่นยนต์อื่นๆ เช่น มือสามารถจับปากกาหรือกุญแจได้ ส่วนสายพานยางสามารถเคลื่อนได้จริง ส่วนอกของหุ่นยนต์จะเป็นการบอกเวลา สามารถสำรองพลังงานได้ 8 วัน
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า มีการขายในราคา 12,700 ดอลลาร์ หรือเฉียด 400,000 บาท ขณะที่รุ่นย่อยราคาขายจริงจาก MB&F อยู่ที่ประมาณ 520,000 บาท ขณะนี้มีการขายกันอยู่ที่ราว 600,000 บาท
อย่างไรก็ตามการซื้อขายนาฬิกานั้น บางส่วนอาจไม่มีการระบุราคาไว้ในเว็บไซต์ซื้อขาย เนื่องจากการตัดสินใจซื้อขึ้นอยู่กับความต้องการขายของนักลงทุนหรือนักสะสม ประกอบกับความต้องการซื้อ รวมถึงรุ่นย่อยหรือรุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตจำนวนจำกัดด้วย ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับการต่อรองกัน โดยราคาจะไม่คงที่ตายตัว บางส่วนอาจต้องเก็บในระยะยาวและต้องติดตามเทรนด์ รวมถึงศึกษารายละเอียดต่างๆ ก่อนตัดสินใจ
ที่มา : mbandf, chrono24, iamwatch, cellinijewelers
August 24, 2020 at 01:40AM
https://ift.tt/34zoM2K
ยลโฉมนาฬิกาหรู 'MB&F' ดีไซน์ล้ำ ในมือนักสะสม-นักลงทุน - กรุงเทพธุรกิจ
https://ift.tt/3ezGUvd
Home To Blog
No comments:
Post a Comment