19 กรกฎาคม 2563 | โดย พิมพ์พัดชา กาคำ ภาพ: วันชัย ไกรศรขจิต
16
วัยเด็กหลายคนอาจจะมีความฝันที่ขณะนั้นยังจับต้องไม่ได้ ทว่าวันหนึ่งเมื่อพร้อม ความฝันนั้นเป็นจริงเช่นเดียวกับ "อ๊อง-อภิราม สีตกะลิน" เขาผูกใจกับรองเท้า "สตั๊ด" เนื่องจากชื่นชอบกีฬาฟุตบอล
ความสุขของนักสะสมก็คือการได้ครอบครองสิ่งของที่มีคุณค่าต่อจิตใจ และสิ่งที่มีคุณค่าต่อจิตใจของผู้ชายรักกีฬาฟุตบอลก็คงหนีไม่พ้น รองเท้าสตั๊ด งานอดิเรกหนึ่งเดียวที่มีความสุขของผู้บริหารหนุ่มบริษัท ปาร์คทูโก จำกัด (Park 2 go)วัย 35 ปี อ๊อง-อภิราม สีตกะลิน ซึ่งเล่าว่าจุดเริ่มต้นมาจากชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลนั่นเอง
“เริ่มจากตอนเด็กๆชอบเตะบอล และก็ชอบนักฟุตบอล จริงๆแล้วผมก็เป็นเหยื่อ Marketing นั่นแหละ (หัวเราะ)นักฟุตบอลคนไหนดังทาง Nike Adidas และยี่ห้อต่างๆ ก็พยายามให้นักเตะเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ ในรุ่นต่างๆ เราก็เริ่มจากตรงนั้น ช่วงเด็กๆชอบ โรแบร์โต้ คาร์ลอส (ตำนานนักเตะทีมชาติบราซิล) พอดังปุ๊บมี Nike ออกมาผมก็ซื้อสตั๊ดคู่แรก รองเท้าแพงมากตอนเด็กๆเราก็ซื้อที่ละคู่ ใส่เล่นฟุตบอลจนพัง สมัยก่อนชอบ แต่ไม่เคยคิดสะสม คู่หนึ่งใช้ 2-3 ปี พอพังเราจะต้องซื้อคู่ใหม่ พอมองหาคู่ใหม่ นักเตะที่เราชื่นชอบใช้อะไรเราก็ซื้อตามแค่นั้น
พอช่วงที่ได้ทำงาน ดูแลตัวเองได้แล้ว พอมีเงินเก็บเหลือบ้าง ก็เริ่มจากการย้อนวัยก่อน เพราะหลังๆรองเท้าเหล่านี้ผู้ผลิตเหมือนจะรู้ว่าคนอายุประมาณผม ตอนเด็กๆอยากได้รองเท้าพวกนี้แต่จับต้องไม่ได้ ก็เหมือนการซื้ออดีต มีการผลิตซ้ำ อย่างรองเท้าของ เบคแฮม (เดวิด รอเบิร์ต โจเซฟ เบคแฮม)คนรู้จักชัวร์ ซีดาน (ซีเนดีน ซีดาน) คนก็รู้จักขึ้นมาบ้าง เวย์น รูนีย์ (เวย์น มาร์ก รูนีย์) คือเอาของที่ดังในอดีตมาทำใหม่ คนแบบผมก็ชอบเพราะตอนเด็กๆเราได้เห็นในทีวี ได้เห็นบนชั้นวางขายแต่แตะต้องไม่ได้ พอมาถึงยุคนี้ได้เจอก็ซื้อมาใส่ ซื้อมาเก็บ”
อีกหมวดหมู่เป็นรองเท้าฟุตบอลจากรุ่นที่ผลิตจริง อย่างสตั๊ดคู่สีทอง ก่อนมาถึงมือคุณอ๊อง เจ้าของเดิมเก็บใส่กล่องเปิดแอร์รักษาไว้อย่างดี
“เป็นของจริงที่หลุดมาจากยุคนนั้นจริงๆ อย่างคู่นี้เป็นรองเท้าที่หลุดมาจากปี 1994 (คู่สีน้ำเงินผสมสีบลอนเงิน) และนี่ก็เป็นรองเท้าดังช่วงฟุตบอลโลกปี 2002 (สีเหลือง) ที่บราซิลได้แชมป์โลก โรนัลโดอ้วน(โรนัลดู ลูอีส ซานา รีอู จี ลีมา)ตัดผมสามเหลี่ยมแล้วใส่คู่นี้ เบอร์เขา R9 อันนี้ของจริงมาจากยุคนั้นเลย แล้วก็จะมีพวกของลิมิเต็ดที่ผลิตออกมาเช่นรุ่นนี้มี 2,000 คู่ ตัวนี้เป็นคู่ที่ 1,368 รุ่นที่ผลิตออกมาเป็นหลักร้อยเช่น แฮร์รี่ คิงส์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษจะมี 100 คู่ อย่างอันนี้เป็นของคริสเตียโน โรนัลโด (นักฟุตบอลชาวโปรตุเกส)ได้ฟีฟ่าบาลงดอร์ครั้งที่ 3 ก็เลยมีเลข 333 ผลิต 333 คู่ เขาได้รางวัลบาลงดอร์อันดับ 1 ของโลก 5 ครั้ง อีกคู่จะมีเลข 16 คือปีที่เขาได้บาลงดอร์ครั้งที่ 2 เลขประจำตัวเขาคือ7 ก็เลยเอาเลข7 สามตัวมาเรียงกันเป็น 777 ที่ผมมีจะเป็นคู่ที่ 691 อีกคู่ก็คือตอนที่โรนัลโดพาโปรตุเกสได้แชมป์ยูโรล่าสุดเขาก็ทำตัวนี้มาฉลองแค่ 200 คู่ ผมได้คู่ที่ 21 มา และคู่ที่หายากจริงๆก็เป็นคู่สีฟ้ายังมีป้ายแทคติดอยู่ไม่ได้เอาออกทั้งโลกน่าจะมีประมาณไม่เกิน 4 คู่เพราะตอนที่ออกมาคนเอาไปใช้จริงหมดไม่มีใครเก็บอย่างดีเปิดแอร์ให้รองเท้าจนสภาพยังดีแบบนี้ ”
นอกจากนั้นยังมี ‘รองเท้าสีขาวของคริสเตียโน โรนัลโด’ เป็นรองเท้าคู่แรกในฐานะซุปเปอร์สตาร์ มีสัญลักษณ์ CR7 เป็นครั้งแรก รุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 100 คู่ มีตัวเลข 1 9 14 19 27 53 60 เขียนไว้ที่ข้างรองเท้า ซึ่ง 1 หมายถึงเป็นแชมป์ลาลีกาครั้งที่ 1 ยิงไป 9 นัด 14 ประตู ตอนนั้นเขาอายุ 27 ปี ลงลาลีกา 55 นัด ยิงไป 60 ประตู เป็นต้น
“ลูกฟุตบอลนี่ก็เก่าจริงไปเจอในร้านแปลกๆ ผมชอบบอลโลกปีนั้นมากที่สุดเพราะจัดที่เอเซีย ญี่ปุ่นกับเกาหลีจัดร่วมกัน โลโก้ได้แรงบันดาลใจอาวุธลับนินจา (ดาวกระจาย) ส่วนรองเท้าที่อยู่ในกล่องไม้โอ๊คผลิตออกมาในช่วงที่พีคๆเป็นของสะสม ของ เดวิด เบคแฮม ในนั้นมีหนังสืออัตชีวประวัติของเขามาให้ด้วย รุ่นนี้ผลิต 723 คู่ เพราะเบคแฮมเขาใส่เสื้ออยู่ 2 เบอร์คือตอนอยู่แมนยูใส่เบอร์ 7 พอย้ายมาอยู่มาดริด (เรอัลมาดริด)เขาใส่เบอร์ 23 ก็เลยผลิตรุ่นนี้ออกมา 723 คู่ ราคาเริ่มต้นประมาณ 300 ดอลลาร์ ความประหลาดของรองเท้าถ้าคนนิยมราคาก็จะสูงขึ้น อย่างตัวนี้ปัจจุบันน่าจะประมาณแสนห้า และราคาก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละท้องถิ่น อย่างผมใส่รองเท้าเบอร์ 10 US เบอร์ก็มีผลต่อราคา ถ้า Demand เยอะราคาจะพุ่งสูงขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์เมืองไทยคนจะใส่กันเบอร์ 8-9 คนเท้าใหญ่อย่างผมราคาก็จะ Drop ลงมาถือว่าโชคดี”
ทุกวันนี้คุณอ๊องยังลงสนามเล่นฟุตบอลเป็นงานอดิเรก สมัยเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนจิตลดา เป็นนักกีฬาโรงเรียนเล่นกองกลาง พอทำงานเริ่มจัดเวลาลงตัวจึงกลับไปลงสนามอีกครั้ง อาทิตย์และ 3 วัน เตะกับทีมศิษย์เก่าโรงเรียนจิตลดา และทีม ศศินทร์ ถือว่าเป็นงานอดิเรกที่สนุกมีความสุขแถมยังมีเพื่อนมากมาย รองเท้าที่เห็นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่มี เขายังมีสตั๊ดอีกประมาณ 50-60 คู่
ถือว่าเป็นงานอดิเรกที่คนอื่นอาจจะชอบนาฬิกา รักรถ คุณอ๊องกล่าวว่า สตั๊ดเป็นของไร้สาระที่ทำให้เขามีความสุขได้ ถือว่าโชคดีที่เขาไม่ชอบนาฬิกา ไม่ชอบรถเฟอร์รารี่ ซึ่งมูลค่าสูงกว่าเยอะ ทุกวันนี้แบ่งเวลา 3 วันให้กับฟุตบอล ซ้อม 1 วัน ลงสนาม 2 วัน พอใส่รองเท้าพวกนี้ลงสนามก็โดนเพื่อนแซวว่า “ฝีเท้าบอลวัด สตั๊ดบอลโลก” ก็เลยดูแลตัวเองหมั่นฝึกซ้อม เลิกดื่มแอลกอฮอล เพราะสังสรรค์ดึกวันที่ลงสนามร่างกายไม่พร้อม ยอมรับว่ากลับมาลงสนามจริงจังอีกครั้ง
July 18, 2020 at 05:22PM
https://ift.tt/32DOORP
'อ๊อง-อภิราม สีตกะลิน' กับ 'สตั๊ด' ระดับโลก - กรุงเทพธุรกิจ
https://ift.tt/3ezGUvd
Home To Blog
No comments:
Post a Comment